คำถามที่พบบ่อย

Propranolol, Timolol, Sirolimus, Vincristine, Prednisolone คือยาอะไร?

รู้จักยาหลักที่แพทย์ใช้รักษาโรคหลอดเลือดผิดปกติในเด็ก

หากลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดเจริญผิดปกติชนิดใดชนิดหนึ่ง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาในการควบคุมโรคหรือบรรเทาอาการ

ยาที่ใช้ในโรคกลุ่มนี้มีหลากหลาย และบางตัวอาจฟังดูน่ากังวล เช่น “ยาเคมีบำบัด” หรือ “ยากดภูมิ”

แต่แท้จริงแล้ว การใช้ยาเหล่านี้ผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบโดยแพทย์เฉพาะทาง และมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักยาหลัก 5 ชนิดที่ใช้กันบ่อยในประเทศไทย


1. Propranolol

กลุ่มยา: ยาลดความดันในกลุ่ม beta-blocker

ข้อบ่งชี้:

  • ใช้รักษา infantile hemangioma ที่โตเร็ว อยู่ใกล้อวัยวะสำคัญ หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลหรือเลือดออก

กลไกการออกฤทธิ์:

ลดการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงก้อน hemangioma และยับยั้งการเจริญเติบโตของหลอดเลือดที่ผิดปกติ

ข้อควรรู้:

  • ใช้ได้ตั้งแต่ทารกอายุประมาณ 5 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ต้องวัดความดันและระดับน้ำตาลก่อนเริ่มโดยอาจจะมีการ admit ที่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตุอาการ
  • ผลข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่ หัวใจเต้นช้า มือเย็น น้ำตาลต่ำในเด็กเล็ก
  • ต้องได้รับการติดตามโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด

2. Timolol

กลุ่มยา: beta-blocker แบบใช้เฉพาะที่ (ยาทา)

ข้อบ่งชี้:

  • ใช้กับ infantile hemangioma ขนาดเล็ก ตื้น และไม่อยู่ใกล้อวัยวะสำคัญ

กลไกการออกฤทธิ์:

คล้ายกับ Propranolol แต่ใช้เฉพาะจุด ทำให้ผลข้างเคียงน้อยมาก

ข้อดี:

  • ใช้ง่าย ไม่ต้องกินยา
  • เหมาะกับรอยโรคเล็กหรือเพื่อเสริมผลหลังใช้ Propranolol

ข้อจำกัด:

  • ไม่เหมาะกับรอยโรคขนาดใหญ่ หรือลึก
  • ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

3. Sirolimus

กลุ่มยา: ยากดภูมิคุ้มกันชนิด mTOR inhibitor

ข้อบ่งชี้:

  • ใช้ในโรคที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดหรือระบบน้ำเหลือง เช่น venous malformation, lymphatic malformation, GLA, KTS
  • ใช้ในเนื้องอกหลอดเลือดชนิดก้ำกึ่ง เช่น KHE หรือ tufted angioma ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

กลไกการออกฤทธิ์:

ควบคุมสัญญาณการเจริญเติบโตของเซลล์หลอดเลือดผ่านเส้นทาง mTOR pathway

ข้อควรรู้:

  • ต้องตรวจระดับยาในเลือดเป็นระยะ และเฝ้าระวังการทำงานของตับและไต
  • ผลข้างเคียงที่อาจพบ ได้แก่ ภูมิคุ้มกันต่ำลง, ปากเป็นแผล, แพ้แสง
  • ห้ามรับประทานร่วมกับเกรปฟรุต

4. Vincristine

กลุ่มยา: ยาเคมีบำบัด

ข้อบ่งชี้:

  • ใช้ในผู้ป่วยที่มี KHE ร่วมกับ Kasabach-Merritt phenomenon ซึ่งไม่ตอบสนองต่อยาอื่นๆ
  • ช่วยควบคุมภาวะเกล็ดเลือดต่ำเฉียบพลันที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

กลไกการออกฤทธิ์:

ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ในก้อนเนื้องอกหลอดเลือด

ข้อควรรู้:

  • ต้องให้ผ่านเส้นเลือดดำใหญ่ในโรงพยาบาล
  • อาจมีผลต่อเส้นประสาท เช่น อาการชาหรืออ่อนแรง
  • ต้องได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น

5. Prednisolone

กลุ่มยา: ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน

ข้อบ่งชี้:

  • ใช้ในบางกรณีของ infantile hemangioma ที่ไม่ตอบสนองต่อ Propranolol
  • ใช้เสริมใน KHE หรือโรคที่มีอาการบวมเฉียบพลันเพื่อลดการอักเสบ หรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

กลไกการออกฤทธิ์:

ลดการอักเสบและการบวมในเนื้อเยื่อหลอดเลือดผิดปกติ

ข้อควรรู้:

  • หากใช้ในระยะยาว อาจมีผลข้างเคียง เช่น น้ำหนักขึ้น ความดันสูง ภูมิคุ้มกันต่ำ
  • ห้ามหยุดยาเอง ต้องให้แพทย์เป็นผู้กำหนดวิธีหยุดยาอย่างปลอดภัย

สรุป

ยาแต่ละชนิดในบทความนี้มีบทบาทเฉพาะในโรคหลอดเลือดผิดปกติชนิดต่าง ๆ

การใช้ยาอย่างถูกต้องจะช่วยควบคุมโรค ลดภาวะแทรกซ้อน และหลีกเลี่ยงการรักษาที่รุกรานโดยไม่จำเป็น

ควรใช้ยาเหล่านี้ภายใต้การดูแลของกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 

หากคุณพ่อคุณแม่มีคำถามเกี่ยวกับยาใด ๆ อย่าลังเลที่จะสอบถามทีมรักษาโดยตรง


แหล่งข้อมูล:

  • ISSVA Guidelines for Medical Management of Vascular Anomalies (2023)
  • American Academy of Pediatrics (AAP) – Hemangioma Treatment Recommendations
  • Orphanet Drug Database
  • คู่มือการใช้ยาในเด็ก – โรงพยาบาลรามาธิบดี / ศิริราช
  • Boston Children’s Hospital – Pharmacologic Therapy for Vascular Anomalies

แนะนำสาระน่ารู้อื่น ๆ

ตรวจอัลตราซาวด์, MRI, CT  ต่างกันยังไง?

ลูกเป็นโรคหลอดเลือดเจริญผิดปกติเพราะอะไร?

ISSVA คืออะไร?