คู่มือสำหรับพ่อแม่ ก่อนพาลูกเข้ารับการตรวจเพิ่มเติม
เมื่อลูกได้รับการสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นโรคหลอดเลือดเจริญผิดปกติ (vascular anomaly) ชนิดหนึ่ง แพทย์มักแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัยและประเมินรอยโรคด้วย อัลตราซาวด์ MRI หรือ CT ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกัน
หลายครอบครัวอาจมีคำถามว่า
“การตรวจแต่ละอย่างต่างกันอย่างไร?”
“ต้องฉีดสีไหม?”
“ลูกต้องดมยาสลบหรือเปล่า?”
บทความนี้จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตัดสินใจร่วมกับแพทย์ได้อย่างมั่นใจ
ทำไมต้องตรวจด้วยเครื่องมือวินิจฉัยภาพ?
โรคหลอดเลือดผิดปกติมักซ่อนอยู่ลึกใต้ผิวหนัง หรือเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดภายในร่างกาย
แพทย์จึงต้องใช้เครื่องมือทางรังสีวินิจฉัย (imaging) เพื่อดู:
- ขนาด ความลึก และการกระจายของรอยโรค
- การเชื่อมต่อกับหลอดเลือดหรืออวัยวะใกล้เคียง
- วางแผนรักษา เช่น การฉีดยา, ผ่าตัด, หรือประเมินผลหลังรักษา
เปรียบเทียบการตรวจที่พบบ่อย
การตรวจ | คืออะไร | จุดเด่น | ข้อจำกัด |
Ultrasound | ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงผ่านผิวหนัง | ไม่เจ็บ, ไม่มีรังสี, ตรวจได้ทันที | เห็นไม่ชัดถ้ารอยโรคลึกหรือติดกระดูก |
MRI | ใช้สนามแม่เหล็กสร้างภาพอวัยวะ | เห็นรายละเอียดของเนื้อเยื่อชัดเจน, ไม่มีรังสี | ใช้เวลานาน ต้องอยู่นิ่งนาน |
CT | ใช้ x-ray สร้างภาพตัดขวาง | รวดเร็ว เห็นกระดูกและโครงสร้างหลอดเลือดได้ดี | มีรังสี, มักต้องฉีดสารทึบรังสี |
MRA (Magnetic Resonance Angiography) | MRI แบบพิเศษที่เน้นหลอดเลือด | เห็นการไหลเวียนของเลือดชัดเจน, บางครั้งไม่ต้องฉีดสี | ใช้เวลานานกว่าปกติ, ต้องอยู่นิ่ง |
MRA มักใช้ในโรคที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อของหลอดเลือด เช่น AVM (arteriovenous malformation)
เด็กต้องดมยาสลบไหม?
การตรวจ MRI และ CT ต้องให้เด็กอยู่นิ่งเป็นเวลานาน เด็กเล็กอาจต้องใช้วิธีช่วยให้นอนหลับ
แต่ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบในทุกกรณี
หากรอยโรคอยู่ตำแหน่งที่ไม่ต้องใช้เวลาตรวจนาน แพทย์อาจเลือกให้
ยานอนหลับชนิดรับประทาน ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น:
- ฟื้นตัวไว
- ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
- เหมาะกับเด็กเล็กที่ไม่กลัวหรือไม่ดื้อ
▶ คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้และรังสีแพทย์ว่าลูกของคุณสามารถใช้วิธีนี้ได้หรือไม่
จำเป็นต้องฉีดสารทึบรังสีไหม?
การฉีดสารทึบรังสี (contrast agent) จะทำเฉพาะในกรณีที่ต้องเห็นหลอดเลือดหรือรอยโรคให้ชัดขึ้นโดย
แพทย์จะอธิบายความจำเป็นและความเสี่ยงก่อนการฉีดทุกครั้ง
ต้องตรวจซ้ำบ่อยแค่ไหน?
ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและแผนการรักษา
- บางรายอาจต้องติดตามทุก 6–12 เดือน
- บางกรณีอาจตรวจเฉพาะก่อนและหลังหัตถการ เช่น sclerotherapy หรือ embolization
สรุป
เครื่องมือตรวจภาพทางรังสีแต่ละชนิดมีบทบาทเฉพาะในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดผิดปกติ
แพทย์จะเลือกวิธีตรวจให้เหมาะสมกับชนิดของโรค ตำแหน่งรอยโรค และอายุของเด็ก
แหล่งข้อมูล:
- RadiologyInfo.org – “MRI for Children,” “Pediatric CT”
- Boston Children’s Hospital – MRI and Sedation Guidelines
- American College of Radiology (ACR) – Pediatric Imaging Appropriateness Criteria
- คู่มือรังสีวิทยาเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศิริราช
- ISSVA Diagnostic Imaging Recommendations (2023)