Benign

Infantile hemangioma

(อิน-แฟน-ไทล์ เฮ-แมน-จิ-โอ-มา)
เนื้องอกหลอดเลือดชนิดไม่ร้ายแรงที่พบบ่อยที่สุดในทารก ซึ่งมักปรากฏในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกหลังคลอดและมีพฤติกรรมจำเพาะ
โดย อาจารย์ แพทย์หญิงสัญชวัล วิทยากรฤกษ์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

1. คืออะไร?

Infantile Hemangioma (IH) เป็นเนื้องอกหลอดเลือดชนิดไม่ร้ายแรง (benign vascular tumor) ที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเส้นเลือดฝอยในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง

มักปรากฏในช่วง 1–4 สัปดาห์หลังคลอด โดยมีลักษณะเด่นคือเจริญเติบโตเร็วในช่วงแรกของชีวิต (proliferative phase) และจะค่อย ๆ หดตัวลงเองตามธรรมชาติ (involution phase)

ประเภทของ IH ตามรูปลักษณ์:

  • Superficial IH: เนื้องอกหลอดเลือดชนิดตื้น มีสีแดงสดคล้ายสตรอเบอร์รี่ พบบริเวณผิวหนังชั้นบนสุด
  • Deep IH: เนื้องอกหลอดเลือดชนิดลึก ก้อนนูนจากใต้ผิว สีม่วงหรือสีผิวปกติ อาจคลำเจอแต่ไม่เห็นสีแดงชัดเจน
  • Mixed IH: เนื้องอกหลอดเลือดชนิดผสม มีลักษณะเป็นก้อนใต้ผิวหนังและมีสีแดงสดด้านบน

2. พบบ่อยแค่ไหน?

  • พบประมาณ 4–5% ของทารกแรกเกิด
  • พบมากใน เพศหญิง, ทารกคลอดก่อนกำหนด, และทารกที่มีน้ำหนักน้อย

3. พบบริเวณใดของร่างกาย?

  • ใบหน้าและศีรษะ (ประมาณ 60%)
  • ลำตัว (ประมาณ 25%)
  • แขน ขา (ประมาณ 15%)

สามารถเกิดได้ที่ผิวหนัง หรือแม้แต่ในอวัยวะภายใน เช่น ตับ ทางเดินอาหาร


4. วินิจฉัยอย่างไร?

  • สามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและการตรวจร่างกายโดยแพทย์: ประเมินลักษณะ สี ขนาด พื้นผิว ตำแหน่ง

อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่แน่ใจจากการตรวจร่างกาย หรือเพื่อประเมินภาวะอื่นร่วมด้วย

  • Ultrasound / Doppler: การทำอัลตราซาวน์ ดูลักษณะของก้อน
  • MRI / MRA: ประเมินรอยโรคลึก หรือกรณีสงสัยกลุ่มอาการร่วม
  • Biopsy: ไม่จำเป็น ยกเว้นกรณีที่ต้องแยกจากเนื้องอกอื่น

5. พัฒนาการของ IH ในแต่ละระยะ

  • Proliferative Phase (โตเร็ว): 0–5 เดือนแรก โตเร็วที่สุด อาจมีสีแดงเข้ม/ก้อนนูน
  • Plateau Phase (คงที่): 6–12 เดือน ขนาดมักไม่เปลี่ยนแปลงมาก
  • Involution Phase (หดตัว): ตั้งแต่ 1–10 ปี รอยโรคค่อย ๆ จางลง/แบนลง แต่ไม่หายสนิทในทุกราย

Infantile Hemangioma (IH) โดยเฉพาะในระยะที่กำลังโต (proliferative phase)

มักจะมีอุณหภูมิผิวหนังสูงกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย เพราะว่าในช่วงที่ IH กำลังเจริญเติบโต:

  • มีการสร้าง หลอดเลือดใหม่จำนวนมาก
  • การไหลเวียนของเลือดในบริเวณรอยโรคสูงกว่าปกติ
  • หลอดเลือดฝอยขยายตัว (vasodilation) ทำให้เลือดไหลผ่านมากขึ้น

    → สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นมี อุณหภูมิสูงกว่า เล็กน้อยเมื่อสัมผัส

สามารถใช้เป็น ตัวช่วยประเมินระยะการเจริญเติบโตของ IH ได้ในบางกรณี เช่น:

  • หากรอยโรคอุ่นอยู่ → อาจยังอยู่ใน proliferative phase
  • หากเริ่มเย็นลงและแบนลง → เป็นสัญญาณว่าเข้าสู่ช่วง involution แล้ว

บางครอบครัวใช้ เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดแบบไม่สัมผัส วัดอุณหภูมิเทียบกับด้านตรงข้ามสม่ำเสมอ เพื่อดูแนวโน้ม


6. ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง

  • Ulceration (แผลเปิด): พบได้ถึง 10–15% โดยเฉพาะบริเวณปาก ก้น หรือผิวหนังที่ถูกเสียดสี
  • เลือดออก/ติดเชื้อ บริเวณแผล
  • รบกวนอวัยวะ: ถ้าอยู่ใกล้ตา ปาก จมูก หรืออวัยวะภายใน
  • ผลหลังยุบ: อาจมีผิวหนังเหี่ยวย่น รอยบุ๋ม สีผิวไม่สม่ำเสมอ อาจจะต้องการรักษาด้วยเลเซอร์หรือศัลยกรรมผิวหนังเพื่อเสริมความเรียบเนียน

7. การดูแลแผลจาก IH

ควรปรึกษาวิธีการดูแลแผลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและความเจ็บปวด โดยเฉพาะหากมี IH ในบริเวณที่ดูแลยากเช่นใต้บริเวณผิวหนังที่สวมใส่ผ้าอ้อม 

  • ล้างแผลด้วยน้ำเกลือปลอดเชื้อ วันละ 1–2 ครั้ง
  • ทายาปฏิชีวนะเฉพาะที่ เช่น Mupirocin
  • ปิดแผลด้วยแผ่น silicone dressing ที่ไม่ติดผิว เช่น Allevyn
  • ยาแก้ปวด เช่น paracetamol หากจำเป็น
  • หลีกเลี่ยงแรงเสียดสีและเสื้อผ้ารัดแน่น
  • หากบวม แดง หนอง กลิ่นผิดปกติ → พบแพทย์ทันที

8. แนวทางการรักษา

1. เฝ้าระวัง (Watchful waiting): สำหรับ IH เล็กและไม่มีภาวะแทรกซ้อนสามารถติดตามดูอาการเป็นระยะ โดยไม่ต้องใช้ยารักษา เนื่องจากเนื้องอกสามารถเล็กลงได้เอง

2. ยา Propranolol (Beta-blocker):

  • เป็นการรักษาหลัก (รับรองโดย WHO)
  • ลดขนาดรอยโรคและเร่งการหดตัว
  • อาจมีผลข้างเคียง เช่น หัวใจเต้นช้า น้ำตาลต่ำ 

3. ยาทา Timolol (topical beta-blocker):

  • ใช้ใน IH แบบตื้น (superficial) และมีขนาดเล็ก
  • สามารถเริ่มใช้ตั้งแต่ช่วง proliferative phase
  • อาจมีอาการระคายเคืองเฉพาะที่

4. Corticosteroids: หากใช้ propranolol ไม่ได้ หรือในภาวะเฉียบพลัน

5. เลเซอร์ Pulsed Dye Laser ใช้ในกรณีที่ IH มีแผลหรือเพื่อปรับลักษณะผิวหลังจาก IH หดตัว

  • ใช้รักษาแผล, ลดสีแดง, หรือผิวไม่เรียบหลังยุบ
  • อาจต้องทำหลายครั้ง

6. การผ่าตัด:

  • สำหรับ IH ที่ไม่ตอบสนองต่อยา มีแผลที่รักษายาก หรือมีรอยเหี่ยวย่นถาวรหลังยุบ

9. กลุ่มอาการที่เกี่ยวข้อง

  • PHACE Syndrome: กลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับ IH ขนาดใหญ่บริเวณใบหน้า ร่วมกับความผิดปกติของสมอง, หลอดเลือด, หัวใจ, และดวงตา (อ่านเพิ่มเติม PHACE Syndrome )
  • LUMBAR Syndrome: กลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับ IH บริเวณลำตัวส่วนล่าง ร่วมกับความผิดปกติของกระดูกสันหลัง, ทางเดินปัสสาวะ, และอวัยวะเพศ

10. ข้อมูลพันธุกรรม

ยังไม่พบยีนที่เกี่ยวข้องแน่ชัด แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวข้องกับการควบคุมหลอดเลือดผ่าน VEGF-A signaling pathway


11. ข้อมูลที่พ่อแม่สามารถช่วยบันทึก

ถ่ายภาพรอยโรค

  • สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • ควรถ่ายในแสงธรรมชาติหรือแสงสม่ำเสมอจากระยะใกล้เคียงกัน
  • ถ่ายมุมเดียวกันทุกครั้ง เพื่อดูพัฒนาการของขนาด สี และพื้นผิว

วัดขนาดรอยโรค

  • ใช้สายวัดแบบนิ่มวัดเส้นผ่านศูนย์กลางหรือรอบวงของ IH
  • จดบันทึกวันต่อวันหรือสัปดาห์ต่อสัปดาห์

วัดอุณหภูมิผิวหนัง (หากมีการอักเสบหรือ ulceration)

  • ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดเปรียบเทียบสองข้าง
  • ช่วยสังเกตความร้อนผิดปกติของบริเวณรอยโรค
  • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น
  • แผล, ตกสะเก็ด, เลือดออก, หนอง, กลิ่นผิดปกติ
  • พฤติกรรมของเด็ก เช่น เจ็บ/ร้องงอแงเมื่อสัมผัส

บันทึกการให้ยาและผลข้างเคียง

  • จดชื่อยา, ขนาดยา, เวลาให้ยา
  • หากมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ง่วง, คลื่นไส้, หายใจเร็ว ฯลฯ ให้จดไว้ประกอบการวินิจฉัย

บันทึกการพบแพทย์ / คำแนะนำ

  • เพื่อใช้เทียบกับอาการหรือการเปลี่ยนแปลงในการรักษา

12. แกลเลอรี่ภาพ

ภาพจาก DermNet :
https://dermnetnz.org/topics/infantile-haemangioma-definition-and-pathogenesisnd pathogenesis